“คลื่น 900 MHz “แพงติดสถิติโลก กสทช.เผยเหตุเอกชนเมินประมูล

นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ(เครดิตhttps://www.nbtc.go.th)

ประมูลคลื่น 900 MHz ของกสทช.แพงเป็นสถิติโลก แถมยังต้องลงทุน ติดตั้งตัวกรองสัญญาณให้กับระบบรถไฟความเร็วสูงจากจีน สามค่ายยักษ์โบกมือบ๊าย…บาย

Advertisement

ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จะจัดประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz และคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวหลังจากเข้ายื่นเอกสารร่วมประมูล คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ว่า การที่ ดีแทคประกาศไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่น 900 MHz เพราะเงื่อนไขที่ระบุให้ผู้ชนะการประมูลต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการรบกวนกันของคลื่นความถี่

ขณะที่นายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอส ได้ยื่นคำขอรับ ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz เช่นกัน แต่ยื่นเพียงคลื่นเดียว ส่วนคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz บริษัท มีคลื่นดังกล่าวอยู่แล้ว จึงไม่ยื่น

ก่อนหน้านี้ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ส่งเอกสาร แจ้งว่า บริษัทไม่ร่วมประมูลทั้ง 2 คลื่นประเทศไทย เรื่องการไม่เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ย่าน  900 MHz และ 1800 MHz หลังจากบริษัทที่ปรึกษา ได้พิจารณาประเด็นความคุ้มค่าในการลงทุน

สำหรับหลักเกณฑ์การประมูลคลื่น 1800 MHz กำหนดให้ประมูลคลื่นความถี่รวม 45 MHz แบ่งออกเป็น 9 ใบอนุญาต ใบละ 5 MHz ผู้เข้าร่วมประมูลสามารถประมูลได้สูงสุด 4 ใบอนุญาต ราคาเริ่มต้นประมูลอยู่ที่ 12,486 ล้านบาท เคาะราคาเพิ่มขึ้นครั้งละ 25 ล้านบาท และผู้เข้าร่วมการประมูลจะต้องวางหลักประกันการประมูล 2,500 ล้านบาท

ด้านนพ.ประวิทย์  ลี่สถาพรวงศา กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพระบุว่า ราคาคลื่น 900 MHz นั้น เป็นราคาชนะประมูลครั้งที่ผ่านมาสูงกว่าราคาประเมินคลื่นความถี่ขั้นสูงถึงเกือบ 3 เท่า และเป็นราคาที่ทำลายสถิติโลก จึงเป็นราคาที่ไม่น่าสนใจเท่าใด ด้วยราคาที่สูงเป็นสถิติโลก บวกกับเงื่อนไขภาระการต้องติดตั้งตัวกรองสัญญาณให้กับระบบรถไฟความเร็วสูงจากจีนและให้กับค่ายมือถือที่อยู่ติดกัน ซึ่งคำนวณแล้วมีมูลค่ามหาศาล แม้ กสทช. จะดึงดูดด้วยการลดราคาตั้งต้นการประมูลลง 2,000 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับภาระที่เพิ่มขึ้น”