สวนทันควัน! “บิ๊กปตท.”โต้กรณี “กรณ์ จาติกวณิช”ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ให้ทบทวนการซื้อหุ้น โกลว์ เผย EEC ต้องการใช้ไฟฟ้า รอ กกพ.ชี้ขาด
หลังจาก “นายกรณ์ จาติกวณิช”ประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์เดินทางไปยังศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ยื่นหนังสือถึง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ “นายศิริ จิระพงษ์พันธ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ทบทวนแผนการซื้อหุ้นโกลว์ โดย ปตท. ชี้ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 75 เอาเปรียบประชาชน ใช้ความได้เปรียบจากความเป็นรัฐวิสาหกิจแข่งขันโดยตรงกับเอกชนรายย่อย ตามที่ SBN ได้นำเสนอไปแล้ว

ล่าสุด”นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท. เป็นหนึ่งในบริษัทลูกของปตท. ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าโดยมุ่งเน้นรองรับความต้องการใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดมาเป็นระยะเวลานานแล้ว มีกำลังการผลิตประมาณ 1,900 เมกะวัตต์ และเมื่อGPSC ควบรวมกับ บริษัท GLOW ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ ประมาณ 3,000 กว่าเมกะวัตต์ จะทำให้บริษัทที่ควบรวมมีกำลังผลิตการผลิตรวมกัน 5,000 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% เทียบกับปริมาณไฟฟ้าที่ประเทศไทยผลิตไฟฟ้าได้ ปีละ 30,000 – 40,000 เมกะวัตต์ ถือว่าเป็นสัดส่วนไม่มาก และผลการควบรวมทำให้ GPSC ขึ้นอยู่มาอยู่ในอันดับ 3 ในธุรกิจนี้ แต่หากนับรวมการไฟฟ้าฝ่ายผลิตทาง GPSC จะกลายเป็นอันดับที่ 5 จากจำนวนผู้ผลิตในธุรกิจนี้ ที่มีมากกว่า 30 ราย และบางรายมีกำลังการผลิต 10,000 หรือ 7,000 เมกะวัตต์

สิ่งที่ทุกคนกังวลไม่ผิด แต่ปตท.เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และมีการทำระบบบัญชีที่มีมาตรฐานไม่สามารถ Transfer กำไรไปยังอีกบริษัทได้ เราเป็นมืออาชีพ ในอีกด้านหนึ่งการซื้อ GLOWทำให้บริษัทสามารถ Synergy และลดต้นทุนด้านต่างๆ เช่น การซื้ออะไหล่ในการซ่อมให้ต่ำลงได้
ส่วนสาเหตุที่ GLOW ตัดสินใจขายให้ปตท.เพราะเป็นนโยบายของผู้ถือหุ้น ในฝรั่งเศสที่ต้องการขายกิจการเพื่อไปปรับเปลี่ยนไปสู่ New Business Model โดยบริษัทฯได้คุยกับหลายราย แต่ได้ข้อสรุปให้กับ ปตท. และมีการดำเนินการผ่านบอร์ดต่างๆ ทั้งสองฝ่ายแล้ว และมีการทำสัญญาจะซื้อจะขายกันแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้การดำเนินการจะสะดุดหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงพาณิชย์ (ตามพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560) และการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ว่าจะพิจารณาสรุปอย่างไร โดย GPSC เป็นบริษัทลูกก็จริงแต่เป็นเอกชน ส่วนปตท.ถือเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ รองรับการขยายตัวและความต้องการใช้ไฟฟ้าของโรงงาน โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีการสัดส่วนการขายผ่านสายส่ง (Grid) น้อยมาก การดำเนินการได้มีการพิจารณาทางด้านกฎหมายอย่างรอบด้าน