4.0 จนล้นเกิน? จ่ายเงินผ่าน แอปพลิเคชัน “ถุงเงินประชารัฐ” ไม่สมคิด ร้านค้าเข้าร่วมน้อย ส่วนหนึ่งกลัวเข้ารถบบภาษี รวมถึงแอพฯ ใช้ยากเกินไป และตู้เอทีเอ็มมีไม่เพียงพอ ก.พาณิชย์รับไปแก้ไขเป็นการบ้าน
จากโครงการร้านธงฟ้าประชารัฐแบบใช้โทรศัพท์มือถือรับชำระค่าสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงินประชารัฐ” นายวิชัย โภชนกิจ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.61 จนถึงปัจจุบัน มีร้านค้ารายย่อยสมัครเข้าร่วม แล้ว 26,690 ราย กระทรวงพาณิชย์ได้ตรวจสอบคุณสมบัติและส่งให้กรมบัญชีกลางอนุมัติเข้าร่วมโครงการแล้ว 10,162 ราย โดยร้านที่ได้รับการอนุมัติได้ดาวน์โหลดแอปฯมาใช้แล้ว 10,000 ราย จากที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมาย จะมีร้านค้าย่อยเข้าร่วมโครงการ 100,000 ราย และมีเงินจากการใช้จ่ายซื้อสินค้าผ่านแอปฯแล้ว 133 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนมูลค่าการใช้จ่ายผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐตั้งแต่เริ่มโครงการเดือนต.ค.60 จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท หรือ มียอดใช้จ่ายเดือนละ 4,000 ล้านบาท

สำหรับสาเหตุที่ร้านค้าเข้าร่วมโครงการน้อยมาก จากการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์โครงการฯกับร้านค้ารายย่อยในพื้นที่ต่างๆ พบว่า ร้านค้ารายย่อยบางรายไม่เข้าใจการใช้งานแอพฯ บางส่วนที่เข้าใจแล้วจะบอกว่า ใช้งานยาก โดยเฉพาะร้านค้าที่มีผู้ค้ารายเดียว การรับชำระเงินผ่านแอปฯที่มีหลายขั้นตอนทำให้เสียเวลามาก ขายเป็นเงินสดดีกว่า อีกทั้งร้านค้าบางรายยังไม่ต้องการเข้าสู่ระบบภาษี เพราะยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องระบบภาษี การลงบัญชี
ขณะที่ปัญหาของผู้ถือบัตรนั้น ในบางพื้นที่ไม่มีสาขา หรือไม่มีตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย ทำให้ผู้ถือบัตรไม่สามารถเปลี่ยนรหัสในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นเลข 6 หลักเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ถือบัตรได้ก่อนการชำระเงินผ่านแอปฯได้ ซึ่งเมื่อไม่สามารถเปลี่ยนรหัสได้ ก็ไม่สามารถชำระเงินผ่านแอปฯได้ จากปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้มีร้านค้าย่อยเข้าร่วมโครงการน้อย และยอดใช้จ่ายผ่านบัตรน้อยมาก
กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับกระทรวงการคลังให้ปรับปรุงการใช้แอปฯให้ง่ายขึ้นแล้ว แต่ระหว่างนี้ จะประสานธนาคารกรุงไทย ให้นำรถเคลื่อนที่เข้าไปในพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีสาขา หรือตู้เอทีเอ็มของธนาคาร เพื่อให้บริการเปลี่ยนรหัสบัตร และโหลดแอปฯให้กับร้านค้า นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ ความเข้าใจกับร้านค้าในเรื่องภาษี เพื่อให้เข้าร่วมโครงการมากขึ้นแล้ว