โควิดวิกฤติประเทศไทย!!“ลุงตู่”เชิญมหาเศรษฐีร่วมแก้ไขปัญหาวอนทุกฝ่ายเลิกแบ่งข้าง!!

“นายกฯ” เตรียมส่งเทียบเชิญ 20 มหาเศรษฐีไทย ร่วมแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ระบุเป็นวิกฤติประเทศ พร้อมเตรียมลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากภาคเอกชน-สถานบันการศึกษา เน้นย้ำ ขอให้ร่วมมือกัน โดยเลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมือง

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  แถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ถึงสถานการณ์โควิด-19 ระบุข้อความส่วนหนึ่ง (โดยสรุป) กับการแสวงหาความร่วมมือจากภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มทุนและกลุ่มที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจของประเทศไทยว่า “ต้องยอมรับว่า ปัญหาความเสียหายที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 จะแก้ไขได้ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาล กับภาคส่วนต่างๆ และต้องยอมรับว่า รัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวคงไม่สามารถหาคำตอบให้กับทุกปัญหาได้ คนกลุ่มอื่น และภาคส่วนอื่นๆ ก็อาจจะมีคำตอบที่ดีและมีความคิดที่ดีได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ภาพประกอบจากแฟ้ม

วิกฤตโควิดครั้งนี้ ใหญ่และซับซ้อนมาก หน้าที่จึงต้องต่อสู้ไปด้วยกัน แบบเป็นหนึ่งเดียวทั้งประเทศ ทุกคน จะต้องเป็นทีมประเทศไทยด้วยกัน จะต้องหาความร่วมมือ ดึงทุกภาคส่วนของสังคม รวมถึงกลุ่มธุรกิจ ทุกกลุ่ม ทุกคน ที่มีความรู้ความสามารถ และพร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศต้องการคนเก่ง ที่มีอยู่มากมายในประเทศให้มาร่วมมือกันนี่คือ ทีมประเทศไทย

ไม่ว่าจะมาจากภาครัฐ จากมหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัยต่างๆ มาจากภาคเอกชน กลุ่มมหาเศรษฐี หรือพี่น้องประชาชน ที่ยอมเสียสละตัวเอง เข้ามาร่วมกันต่อสู้ เหมือนกับที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ร่วมกับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข และอาสาสมัครมากมาย ได้เสียสละตัวเองอย่างกล้าหาญ เผชิญความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ทุกวัน เพื่อช่วยรักษาชีวิตของผู้อื่น

ภาพประกอบจากแฟ้ม

หลายภาคส่วนในทีมประเทศไทย ได้เริ่มลงมือทำอะไรที่สำคัญ และมีประโยชน์ไปแล้วหลายอย่าง แต่วันนี้ต้องการเพิ่มความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้มากยิ่งขึ้น โดยเริ่มที่ภาคเอกชนก่อน สิ่งที่จะทำในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ประการแรก เตรียมจะออกจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 20 รายในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของสังคม โดยจะจะร่วมมือให้ช่วยเหลือประเทศไทยให้มากขึ้น

“มหาเศรษฐีของประเทศไทยทั้งหลาย ล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ขอให้ได้มีบทบาทสำคัญ ในการร่วมกันช่วยเหลือประเทศ และร่วมเป็นทีมประเทศไทยด้วยกันส่วนตัว เข้าใจและซาบซึ้ง ที่หลายคนได้ลงมือทำไปแล้วหลายเรื่อง แต่ต้องการให้ทุกคน ทำเพิ่มเติม มากกว่าที่ได้ทำไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ประเทศ ต้องการความช่วยเหลืออย่างมากที่สุด เพราะรู้ว่า ความเดือดร้อนของคนไทยก็คือความเจ็บปวดของทุกคนด้วยเช่นเดียวกัน”

 

อยากให้ทุกฝ่าย ได้แบ่งปันความสามารถ และความฉลาดหลักแหลม รวมทั้งมุมมองอันมีวิสัยทัศน์ พร้อมกับใช้องค์กรที่มีศักยภาพสูง มาช่วยกันจัดการกับวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ในวันนี้ นอกเหนือจากกลุ่มมหาเศรษฐี ของประเทศไทย ยังอยากจะรับฟังและใช้ความรู้ความสามารถของภาคเอกชนทั้งหมดอีกด้วย

ส่วนประการที่สอง จะไปพบกับสมาคมภาคธุรกิจไม่ว่าจะขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก เพื่อรับฟังด้วยตัวเองโดยตรง ไม่ต้องผ่านหน่วยงานใดเพื่อจะได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริงโดยต้องการเข้าถึงความรู้ขีดความสามารถ และความเชี่ยวชาญอันหลากหลายของภาคเอกชน นอกจากนี้ ต้องการรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะความต้องการ และความท้าทายที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ และต้องการที่จะร่วมมีบทบาทในการแก้ปัญหาครั้งนี้ ว่าจะมีแนวทางอย่างไร รวมทั้งสิ่งที่ทุกภาคส่วนได้ทำไปแล้ว และสิ่งที่จะช่วยกันทำต่อไป ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่ออีกว่า “และที่สำคัญ ต้องการได้ยินความคิดเห็นจากทุกฝ่ายว่า มีจุดไหนบ้าง ที่รัฐบาลควรจะทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แน่นอนว่าเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ต้องช่วยเหลือคนไทยทั้งประเทศ แต่จะสามารถขยายแรงกำลังในการช่วยเหลือให้ใหญ่ขึ้นได้ ก็ด้วยมาจากการร่วมมือกับภาคเอกชน ที่มีทรัพยากรมาก มีวิธีการทำงาน และวิธีการเข้าถึงผู้เดือดร้อนได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรัฐบาลจะเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกในส่วนใด ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็ยินดี

ภาพประกอยจากแฟ้ม

ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมมีความคิดเห็นที่หลากหลาย แม้กระทั่งในกลุ่มผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้วยกันเอง ก็ยังมีมุมมองการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ จึงอยากจะรับฟังเพื่อช่วยกันหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด ความคิดเห็นของทุกฝ่าย แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ล้วนเกิดจากความรักชาติและความปรารถนาดีต่อประเทศทั้งสิ้น และเมื่อเลือกที่จะปฏิบัติทางใดทางหนึ่งแล้ว ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน สนับสนุน เพื่อช่วยกันผลักดันให้เกิดความสำเร็จตามที่ต้องการ

ภาพประกอบข่าวจากแฟ้ม

ทั้งนี้ขอให้ทุกคน ทำงานร่วมกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน ขอให้ใช้วิกฤตครั้งนี้ เป็นโอกาสที่จะช่วยสร้างประเทศไทยของเราให้แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง มีความเป็นปึกแผ่น และมีความเป็นหนึ่งเดียวกันของพี่น้องคนไทยในช่วงเวลาที่ประเทศของ กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ขอให้ทุกคนได้ร่วมกันแสดงพลังของความเป็นไทยออกมาอีกครั้ง ให้โลกได้เห็นว่าคนไทยได้ร่วมมือช่วยเหลือกัน และต่อสู้ไปด้วยกัน โดยไม่มีสีเสื้อ และไม่มีฝัก มีฝ่ายทางการเมือง ในอนาคตเมื่อมองย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะเห็นว่า เป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก และความเสียหายมากมาย แต่ในอีกด้านหนึ่ง เราจะเห็นว่านี่คือช่วงเวลา ที่เราได้อะไรที่ยิ่งใหญ่กลับคืนมาด้วย นั่นคือ ได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริง ของคนไทยอีกครั้ง และได้ค้นพบ ความกลมเกลียว เป็นครอบครัวเดียวกัน ของไทยทั้งประเทศ ส่วนตัวนับเป็นความหวังและเชื่อว่า คนไทยทุกคนก็มีความหวังแบบนั้นเช่นกัน ขอให้ทุกคนมาร่วมมือกัน ทำให้ความหวังเป็นความจริง เราจะต้องชนะไปด้วยกัน”