ที่สิงคโปร์กฎหมายยังเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ หลังศาลสิงคโปร์มีคำพิพากษาจำคุกผู้ต้องหาขับรถหรู Maserati 4 ปี และถูกสั่งห้ามขับรถตลอดชีวิต หลังก่อคดีชนตำรวจจราจร และลากร่างไปตามถนนกว่า 100 เมตร
สำนักข่าว CNA ของสิงคโปร์ รายงานข่าว ศาลสิงคโปร์พิพากษาจำคุก นายหลี่ เฉิงเยียน วัย 36 ปี เป็นเวลา 4 ปี 7 เดือน ปรับ 3,700 ดอลล่าร์สิงคโปร์ หรือ ราว 84,000 บาท และถูกสั่งห้ามขับรถตลอดชีวิต หลังก่อเหตุขับรถ Maserati ชนตำรวจจราจร พร้อมลากร่างไปตามถนนกว่า 100 เมตร
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 17 พ.ย. 2560 โดย นายหลี่ ผู้ซึ่งโดนคำสั่งห้ามขับรถในขณะนั้นได้ขับรถหรูยี่ห้อมาเซราติไปบนถนน ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้สั่งหยุดรถเนื่องจากเห็นว่านายหลี่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ตำรวจได้เดินไปประตูฝั่งคนขับ แต่นายหลี่คิดหนีจึงตัดสินใจออกรถโดยเกี่ยวเอาชุดของตำรวจจราจรไปด้วยและลากร่างของเขาไปตามถนนด้วยความเร็ว 84 กม./ชม. เป็นระยะทางกว่า 124 เมตร
ส่งผลให้ตำรวจคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บสาหัสที่หัวเข่า คอ และหลังต่อมาอัยการได้สั่งฟ้องนายหลี่ทั้งสิ้น 10 ข้อหา ซึ่งรวมถึงข้อหาตั้งใจทำร้ายเจ้าพนักงาน ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือ ขัดขวางการทำงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงทั้ง 10 ข้อหา เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แต่นายหลี่เบี้ยวนัดฟังคำพิพากษาถึง 3 ครั้ง จนมาถึงครั้งนี้
ในโลกโซเชียลทั่วโลกต่าง มีการยกกรณีของนายหลี่ ขึ้นมาเปรียบเทียบกับ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทกระทิงแดงซึ่งก่อเหตุขับรถชนตำรวจเสียชีวิต เนื่องจากลักษณะเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน แต่บทลงโทษที่ได้รับต่างกันและสร้างความเคลือบแคลงสงสัยถึงระบบกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย
คดี บอส อยู่วิทยา นั้นได้ ขับรถเฟอร์รารี่ สีบรอนซ์เทา วิ่งด้วยความเร็วสูงพุ่ง ชนรถของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อย่างแรง บริเวณซอยสุขุมวิท 47 จนร่างของดาบวิเชียรถูกลากไกลออกมา 200 เมตร เสียชีวิตที่ซอยสุขุมวิท 49 จากนั้นเฟอร์รารี่ ขับหลบหนีไปที่บ้าน ตั้งแต่ปี 59 จนถึงปี 63 ผ่านมาแล้วกว่า 4 ปี และกระบวนการยุติธรรมดูเหมือนจะต้องตอบคำถามสังคมให้ชัดเจนกว่านี้
