สองบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตวัคซีนโควิด เผยผลสำเร็จกว่า 95% เล็งขอใช้แก้ปัญหาการแก้ระบาดแบบฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกาแล้ว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า Moderna บริษัท เทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐระบุถึงผลจากการทดลอง วัคซีน COVID-19 ดูเหมือนจะได้ผล 94.5% ตามข้อมูลเบื้องต้นจากการศึกษาอย่างต่อเนื่องของบริษัท เช่นเดียวกับคู่แข่งอย่าง บริษัท Pfizer Inc. ได้ประกาศว่าวัคซีน COVID-19 มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นข่าวที่ทำให้ทั้งสอง บริษัทอาจขออนุญาตเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินในสหรัฐฯ ในไม่กี่สัปดาห์นี้
ดร. สตีเฟนโฮเก ประธานบริษัท เทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ เปิดเผยว่า “นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับความสำเร็จครั้งสำคัญจริงๆ และการมีผลลัพธ์ที่คล้ายกันจากสองบริษัทที่แตกต่างกันเป็นสิ่งที่ทำให้มั่นใจได้มากที่สุด ไม่ใช่ Moderna เพียงรายเดียวที่แก้ปัญหานี้ได้ต้องใช้วัคซีนหลายๆ ชนิดเพื่อตอบสนองความต้องการของโลก”

ทั้งนี้เนื่องจากวัคซีนไม่สามารถมาได้เร็วพอเพราะผู้ป่วยไวรัสมีจำนวนถึง 11 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และสูงถึง 1 ล้านคนในสัปดาห์ที่ผ่านมา การระบาดของโรคได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 1.3 ล้านคนทั่วโลกมากกว่า 245,000 คนในสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตามวัคซีนของ Moderna ซึ่งสร้างขึ้นโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติกำลังได้รับการศึกษาในอาสาสมัคร 30,000 คนและได้ผลกว่า 95% จากผลการทดลอง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า การใช้วัคซีนดังกล่าว จะมีระยะเวลาการป้องกันโรคนานมากน้อยเพียงใด ซึ่งเกิดขึ้นกับวัคซีนของทั้งสองบริษัท รวมถึงผลข้างเคียงที่สำคัญ ได้แก่ ความเหนื่อยล้าปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและความเจ็บปวดจากการฉีดยาหลังการฉีดวัคซีนครั้งที่สอง มีลักษณะที่พบได้บ่อยกว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
โดย ศ.ปีเตอร์ โอเพนชอว์จาก Imperial College London กล่าวกับ BBC News ว่า “ผลกระทบเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราคาดหวังได้จากวัคซีนที่ได้ผลและกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ดี” อย่างไรก็ตาม วัคซีนทั้งจากผู้คิดค้นทั้งสองราย คือ MODERNA และ Pfizer (วัคซีน MRNA) ต้องเก็บไว้ในที่เย็นมาก Moderna ประกาศว่าวัคซีนของคนเองสามารถอยู่ในตู้เย็นได้นานกว่า 30 วัน ส่วนของ Pfizer ก็จำเป็นต้องเก็บไว้ในอุณภูมิที่เย็นจัดเช่นเดียวกัน
เครดิตภาพ https://www.aljazeera.com , https://www.europeanpharmaceuticalreview.com/